เทคนิคสอบติดวิศวะ จุฬา (น้องบอล)

เทคนิคสอบติดวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

        พี่ชื่อบอลนะครับ ณ ตอนที่เขียนบทความนี้พี่กำลังศึกษาอยู่ที่ชั้นปีที่ 1 ภาควิชาเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ถ้าน้องคนไหนอยากเข้าที่นี่แล้วยังไม่รู้จะเรียนภาคอะไรก็ฝากภาคเครื่องกลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ 555+ โอเคมาเข้าเรื่องดีกว่า ขอบอกก่อนว่าเรื่องมันก็ผ่านมาซักพักละอ่ะนะก็อาจจะไม่สดใหม่เท่าไหร่ ก็เดี๋ยวจะเล่าสถานการณ์ ณ ตอนนั้น การเตรียมตัว เทคนิคการอ่านแล้วก็การกระตุ้นตัวเองของพี่ให้ฟังละกัน

        เอาจริงๆคือพี่ค่อนข้างโชคดีด้วยแหละที่ตัดสินใจได้ค่อนข้างเร็วว่าอยากเข้าคณะอะไร ก็เลยเน้นแต่วิชาที่ต้องใช้ยื่นคะแนน(ไม่ได้หมายความว่าทิ้งวิชาอื่นไปเลยนะ!) พี่ก็มาเริ่มเตรียมตัวตอนปิดเทอมขึ้น ม.6 แต่แรกๆก็ยังไม่ได้จริงจังมากเท่าไหร่อ่ะ ก็คิดว่ามันยังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ก็ไปเรียนพิเศษกับเพื่อนเลิกเรียนก็ไปเที่ยว เดินเล่น ดูหนัง ไปเรื่อยอ่ะ จนกระทั่งเปิดเทอมทีนี้แหละ วิกฤตละฟิสิกส์ก็ยังไม่จบ อังกฤษก็ยังไม่จบ เคมีก็ยังแทบไม่เริ่ม ที่จบจริงๆมีแค่คณิตฯ ยิ่งเห็นเพื่อนๆในห้องนี่ยิ่งแล้วใหญ่หลายๆคนแบบขยันอ่ะ ทำโจทย์นู่นยัง นี่ยัง ตอนนั้นก็แอบเครียดอยู่เหมือนกันก็คิดไปต่างๆ นาๆ ถ้าไม่ติดจะทำยังไงดีวะ ไม่ได้เตรียมตัวเผื่อแผนสำรองอะไรไว้ด้วย ตอนที่เครียดๆอยู่ก็มีวันนึงเล่นเฟสอยู่(ขนาดเครียดก็ยังไม่อ่านหนังสืออ่ะ555555) ก็ไปเจอคำๆนึงเค้าบอกว่า “เวลาที่เราคิดว่ามันไม่ทันแล้ว ลองตั้งใจทำให้ดีที่สุดก่อน ผลลัพธ์มันอาจจะออกมาเกินคาดก็ได้” ไอเราก็เลยเอาวะลองดูซักตั้ง เผื่อผลลัพธ์จะออกมาดีเกินคาด หลังจากนั้นก็คืออ่านหนังสือแล้วก็ทำโจทย์ตลอดเวลาที่ว่าง ตอนเช้ามาถึงโรงเรียนก็นั่งทำโจทย์ก่อนซักหน่อย บางทีในคาบถ้ามีเวลาว่างก็ทำ ตอนเที่ยงเนี่ยก็กินข้าวเสร็จก็มาทำ ส่วนตอนเลิกเรียนไปเล่นบาสครับ5555555555 ร่างกายที่แข็งแรงจะนำพามาซึ่งสติปัญญาที่เฉียบแหลมครับ55555 มันก็ต้องมีเวลาผ่อนคลายบ้างอ่ะเนาะแต่ก็ต้องเอาให้พอดีนะ! ก็นั่นแหละครับจะสื่อว่าถ้ามีเวลาว่างก็ทำไปเถิด จะเกิดผล

         มาที่เรื่องเทคนิคบ้าง คือตอนที่พี่สอบ รับตรงวิศวฯ จุฬา มันใช้แค่ PAT1 PAT3 ละก็GAT พี่ก็เอาละทางเราหมด ก็เลยตั้งใจจะเอารับตรงให้ได้เลยเพราะว่าถ้าไปadmissionมันต้องใช้PAT2 ซึ่งพี่ไม่ชอบชีวะ เคมีก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น รับตรงน่าจะเหมาะกับเรากว่า แถมถ้าติดเลยก็ได้พักยาวๆเหมือนกัน ส่วนการอ่านสอบเนี่ยพี่เลือกจะอ่านคณิตฯก่อนเพราะว่ามันยากสำหรับพี่ ตอนนั้นก็ทำโจทย์เลขเยอะมากๆ ตอนปิดเทอมก่อนขึ้นม.6ก็จะเป็นฟีลแบบทำโจทย์เลข กับเรียนเนื้อหาฟิสิกส์ สำหรับพี่นะ พี่คิดว่าสิ่งสำคัญในการเรียนเลขกับฟิสิกส์อ่ะคือสารบัญ เอาจริงๆก็ทุกวิชาอ่ะแหละ สารบัญก็เหมือนกับการจัดระเบียบของแต่ละบทอ่ะ จะทำให้เรารู้ว่าแต่ละบทมีอะไรบ้าง ละก็ช่วยแบ่งด้วยว่าในบทๆนี้มีโจทย์กี่แนวแล้วค่อยไปเจาะว่าแต่ละแนวมีลักษณะเฉพาะยังไง มีลูกเล่นอะไรบ้าง โยงกับเรื่องไหนได้บ้าง ละก็เวลาอ่านอะไรที่เนื้อหาเยอะๆละอยากอ่านให้ไวๆอ่ะไม่ใช่ว่าอ่านเนื้อหาให้จบไปเรื่อยๆ แต่ว่าเราต้องให้เวลากับแต่ละหัวข้อดีๆ ให้เข้าใจแต่ละหัวข้อไปเลย ที่พี่ชอบทำก็คือพี่จะทำโจทย์ทีละหัวข้อไปเลยแบบจบหัวข้อนี้ก็ทำโจทย์ของหัวข้อนี้ไปเยอะๆ

        ส่วนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่พี่ก็เน้นท่องศัพท์อ่ะ พกพวกปึ๊งกระดาษโน้ตเล็กๆเขียนคำศัพท์ที่เราไม่รู้ไว้แล้วก็เขียนคำแปลกับศัพท์ที่ความหมายเหมือนๆกันไว้ข้างหลังแล้วก็ท่องไปเรื่อยๆ เข้าแถวตอนเช้าก็ท่อง ขึ้นรถกลับบ้านก็ท่อง เหมือนเดิมครับถ้าว่างก็ท่องเถิด จะเกิดผล นอกจากนั้นก็ทำโจทย์ ทำข้อสอบเก่าครับ ถ้าเรารู้สึกว่าทำไปหมดแล้วก็ลองไปพวกศูนย์หนังสือจุฬาฯไรเงี้ยอ่ะครับลองหาหนังสือโจทย์ดู แล้วก็อีกวิธีนึงที่พี่รู้สึกว่ามันโดนมากๆก็คือการไปอ่านกับเพื่อนครับบางทีก็ช่วยให้ไม่เครียดด้วยแต่ก็อย่าพากันเล่นจนเกินไปนะ! ข้อดีของการอ่านกับเพื่อนคือบางทีถ้าเราไม่รู้อะไรก็ถามๆกันได้แลกเปลี่ยนความรู้ ส่วนใหญ่เรื่องที่คนนึงไม่รู้อ่ะ หลายๆคนมันก็ไม่รู้เว้ย5555 เอ้อ ละก็ติวให้เพื่อนก็ดีนะครับมันเหมือนได้ทวนอีกรอบแถมได้รีเช็คตัวเองด้วยว่าลืมเนื้อหาอะไรไปบ้างเพื่อนก็ได้ประโยชน์เราก็ได้ประโยชน์ คุ้มจะตายยยยย

        ก็ประมาณนี้อ่ะครับเท่าที่พี่จำได้ พวกเทคนิคกับวิธีอะไรเงี้ยก็ลองไปปรับใช้ดู จริงๆถ้าเรามีความตั้งใจอ่ะเดี๋ยวเราก็ดิ้นรนหาแนวทางของเราเองแหละครับ สู้ๆครับน้อง ตั้งเป้าหมาย วางแผนให้ชัด ความพยายามไม่หักหลังใครครับ อย่าไปคิดว่ามันไม่ทันแล้ว โฟกัสที่ปัจจุบันดีกว่า ผลลัพธ์อาจจะออกมาดีกว่าที่คิดก็ได้ เหมือนพี่555555555555